เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๓ ก.ค. ๒๕๔๖

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๖
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันเรื่องของศาสนาน่ะ ถ้าเรื่องของศาสนานะ เรื่องศาสนานี้เป็นสถาบัน เห็นไหม เรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ศาสนานี้มา ๒,๐๐๐ กว่าปี ชาติไทยนี้มันมีมาแค่ ๗๐๐ กว่าปีเท่านั้น ชาตินี่มาทีหลังศาสนาอีก เพราะศาสนาพุทธเป็นเรื่องของหัวใจของคน เรื่องของศาสนาเป็นเรื่องความสุขของคน

เรื่องของชาติ ชาติคือมนุษย์ที่รวมตัวกันเป็นชาติ เรารวมตัวกันเราก็เป็นชาติขึ้นมา เรารวมตัวกัน เห็นไหม แต่คนรวมตัวกันมาแล้วเป็นสังคมของมนุษย์ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม มันจะมีความบาดหมาง มีความกระทบกระเทือนกัน

เรื่องของศาสนาเรื่องของสมานของหัวใจไง ถ้าหัวใจนี้มันมีศาสนามีธรรมในหัวใจขึ้นมานี่ ความกระทบกระทั่งกัน มันมีความกระทบกระทั่งเป็นธรรมดา เรื่องของการอยู่ด้วยกัน เห็นไหม ลิ้นกับฟันกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องของปกติ ถ้ามีศาสนาเยียวยา ความเป็นอยู่ของชาติมันจะดีขึ้น ชาติมันจะมีความสุขความสบายพอสมควร

สถาบันครอบครัวก็เป็นสถาบันอันหนึ่ง สถาบันของศาสนาก็เป็นสถาบันอันหนึ่ง ศาสนานี้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก เป็นเรื่องที่ลึกลับที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ เราปรารถนาความสุขกัน แต่ความสุขของเราเราเชื่อในเรื่องของศาสนา เราถึงมีการสละทานไง

ทาน ศีล ภาวนา การสละทานออกไปเป็นการปลดเปลื้องหัวใจ เห็นไหม หัวใจหมักหมม น้ำที่ไม่มีการไหลเวียนเลยจะเป็นน้ำเน่า หัวใจของเราเกิดมาในชาติหนึ่ง เราไม่เคยทำทานเลย เราไม่เคยสละความเศร้าหมองของใจออกไป ความสละออกไปคือเจตนาที่สละออกไปจากใจ เห็นไหม นี่มีการสละออกไป

ความเปิดให้หัวใจมันหมุนออกไป เวลามันทุกข์ขึ้นมามันจะมีสิ่งที่ว่ามีเครื่องมาบรรเทาได้ ถ้าเวลาเราทุกข์ขึ้นมาไง คนเวลาทุกข์ขึ้นมามันไม่มีที่พึ่งที่อาศัย มันก็ต้องอดทนไปขนาดนั้น แล้วแก้ไขไม่เป็น แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “ให้สละทาน” ทานนี้มันมีเจตนา เรื่องของใจสละออกไป ถ้าอารมณ์มันเกิดขึ้นมามันก็สละออกไป ความสละออกไปคือเจตนา เราฝึกการให้ ฝึกการให้ทานขึ้นมา แล้วเราก็พยายามปลดเปลื้องหัวใจที่มันหมักหมม เห็นไหม นี่เป็นน้ำที่ว่าไม่เน่า น้ำไหลออกไป เรื่องของศาสนาเป็นอย่างนั้น ถ้ามีทานขึ้นมานี่เป็นคุณงามความดี ทุกคนปรารถนาคุณงามความดี แต่ไม่รู้ว่าคุณงามความดีเป็นอย่างไร

คุณงามความดีดีของเรา เราคิดว่าดีเราก็ไปทำของเราไป แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกดีคือการชนะตนเอง เห็นไหม ดีของเรา เราทำเพื่อคนอื่นทั้งหมดเลย ดีของเรา เราปกครองในสถาบันครอบครัวอยากให้ลูกได้ดีอยากให้เต้าได้ดี อยากให้ทุกคนได้ดี นี่ทุกคนถ้าเขาดี เห็นไหม เราดีก่อน ถ้าเราดีทุกคนจะดี

แบบอย่างไง แม่ปู ถ้าแม่ปูสอนลูกปู ลูกปูมันก็เดินคดเหมือนแม่ปูนั้นน่ะ ถ้าแม่ปูดี เห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมา เห็นไหม พุทธวิสัย วิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสงบเสงี่ยมมาก มีความเมตตามีความกรุณาสั่งสอนพวกเรา อยากรื้อสัตว์ขนสัตว์ เพราะใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ เห็นไหม เวลาจะออกบวชทุกข์ไหม? คนเราต้องพลัดพรากลูกพลัดพรากเมียออกไป เพื่อแสวงหาโมกขธรรมขึ้นมา

ของเราไม่ต้องขนาดนั้น เราไม่ได้พลัดลูกพลัดเมียเลยนะ แต่เราเชื่อศาสนาแล้วเราทำของเราได้ เชื่อศาสนา เห็นไหม เชื่อพระ ถ้าพระที่มีคุณธรรมในหัวใจของเราขึ้นมา จะเป็นแบบอย่างของเราขึ้นมาได้ ถ้าพระที่เป็นเรื่องของเขานั้นมันเป็นเจตนาของเขา สังคมทุกสังคมมีคนดีและคนชั่ว คนดีและคนชั่วในสังคมนั้นจะต้องมีความเป็นไป

ในสถาบันอันหนึ่งมันประกอบไปด้วยคนหมู่มาก สิ่งนี้หมู่มาก เราถึงต้องแสวงหาไง เนื้อนาบุญของโลก ถ้าเนื้อนาบุญของเราดี ข้าวปลาอาหารของเรานี่เราจะเก็บเกี่ยวได้ผลของเรามาก ถ้าเราศึกษาอย่างนั้น เราเชื่ออย่างนั้น เราทำประสาของเราอย่างนั้น เราจะได้บุญของเราขึ้นมา บุญของเราขึ้นมามีอำนาจวาสนานะ คนมีบุญเวลาตกทุกข์ได้ยากมันจะมีความเป็นไป มีความช่วยเหลือมีการเจือจานกัน เราเคยให้ไว้นี่ถึงเวลาที่สุดแล้วเราต้องเป็นไป มันเป็นสภาวธรรม เวลาเราอ่านตำรากัน เห็นไหม พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ออกจากสมาบัติ เวลาออกจากสมาบัตินี่ใครที่ได้ทำบุญนั้น จะได้บุญมาก แล้วเราก็คิดเอาเราก็อยากแสวงหาอย่างนั้น เราจะอยากได้บุญทันตาเห็นไง

นี่บุญในสมัยพุทธกาลนะ พระสารีบุตรออกจากสมาบัติ ชาวนาทุกข์จนเข็ญใจ เขาเป็นคนรับจ้างทำนาอยู่ เขาไถนาอยู่เห็นไหม ไถนาอยู่แล้วอยากจะทำบุญมาก เห็นพระสารีบุตรออกมานี่ เวลาไถนาอยู่เพราะว่าคนต้องมาส่งอาหาร มันมีความหิวโหยไหม? คิดว่าเดี๋ยวถ้ามีคนส่งอาหารมาจะมีปัญหามาก เพราะอะไร เพราะเราหิวมีความโกรธอยู่ แต่เวลาเห็นพระสารีบุตรออกมาจากสมาบัติ แล้วเขามาส่งอาหารพอดี เห็นไหม จิตใจอันนี้มันมีความศรัทธามีความเชื่อ ถวายหมดเลยนะ ถวายอาหารอันนั้นแล้วกลับไปมีความอิ่มในบุญของเรา ไม่ได้กินข้าวทั้งๆ ที่หิวอยู่ แต่มันอิ่มบุญ เห็นไหม เวลาไปไถนาขึ้นมา พลิกผืนดินขึ้นมากลายเป็นทองคำหมดเลย กลายเป็นทองคำ แล้วในสมัยพุทธกาลสังคมมันแคบ เป็นคนทุกข์คนเข็ญใจ แล้วถ้ามีทองคำขึ้นมาจะไปบอกใครได้ว่าเรามีทองคำ ถึงไม่กล้าหยิบไง ไปหาพระเจ้าพิมพิสารบอกว่าไถนาแล้วเป็นทองคำหมดเลย พระเจ้าพิมพิสารบอกว่าอยู่ที่ไหน เพราะพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน รู้ทันไง ถึงบอกว่าให้เอาทหารนี้ไปเอาทองคำนั้นมา พอหยิบทองคำขึ้นมากลายเป็นดินหมดเลย กลายเป็นดินหมดเลยเพราะอะไร เพราะว่าหยิบของเราขึ้นมา เขามาบอกพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสารบอกกลับไปใหม่ แล้วบอกว่าให้เอาทองคำของคนทุกข์คนเข็ญใจนั้น ไม่ใช่ทองคำของพระเจ้าพิมพิสาร ยกขึ้นมาเป็นทองคำอย่างเก่าๆ เห็นไหม นั่นน่ะเป็นถึง ๘๐ เล่มเกวียน นั้นเพราะพระสารีบุตรเป็นพระอรหันต์ออกจากสมาบัติ

นี้เราก็อ่านตำรา แล้วเราก็คิดขึ้นมา เราอยากจะเจอพระแบบนั้น เราจะทำบุญแบบนั้น มันเป็นที่อำนาจวาสนาของคนที่จะเจอหรือไม่เจอ วาสนาของคนเจอขนาดนั้น เวลาขนาดนั้น เห็นไหม พระกัสสปะออกจากสมาบัติลงมาโปรดคนเข็ญใจ โปรดพวกคนทุกข์จนเข็ญใจ พระอินทร์อยากได้บุญมาก เห็นไหม นี่อยู่ในธรรมบท พระอินทร์นี้อยากได้บุญมาก ปลอมตัวเป็นคนทุกข์จนเข็ญใจมา แต่คนเป็นพระอินทร์แล้วปลอมมานี่ อาหารมันต้องไม่เหมือนคนจนหรอก เวลาใส่บาตรไป พระกัสสปเห็นอาหารนั้นก็แปลกใจแล้ว เลยกำหนดดูเป็นพระอินทร์ เห็นไหม “มหาบพิตร อย่าขี้โกงสิ” เพราะอะไร เพราะต้องการโปรดคนทุกข์จนเข็ญใจ ไม่ใช่โปรดคนที่มีอยู่แล้ว พระอินทร์บอกว่า พระอินทร์เป็นคนที่ว่าทุกข์จนเข็ญใจมาก เพราะอะไร เพราะเป็นพระอินทร์ปกครองเทวดา เทวดาบางตนมีแสงมากกว่า มีบารมีมากกว่า เห็นไหม นั่นน่ะ ผู้ที่ปกครองเขาแต่ว่าไม่มีอำนาจเหนือเขา มีความทุกข์เข็ญใจ ถึงต้องพยายามแสวงหาอย่างนั้น แล้วมาทำบุญแบบนั้น เขาทำบุญของเขาเพราะเขารู้เห็น เห็นไหม เพราะหูตาสว่าง

นี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราเชื่อของเราอย่างนั้น เราทำของเรา จะต้องไปว่าพระเข้าสมาบัติหรือออกจากสมาบัติไหม อันนั้นเป็นวาสนา ถ้าวาสนามันจะเป็นไป มันจะเจอมันจะสมความปรารถนา ถ้าวาสนาของเราไม่มีเราถึงต้องแสวงหาไง นี่เนื้อนาบุญของโลก

สถาบันของศาสนานี้เป็นที่บรรจุของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติ นี่คุณธรรมของผู้ที่ประพฤติปฏิบัติมันจะมีอย่างนั้น ถ้าไม่มีคนทำประพฤติปฏิบัติ เห็นไหม ศาสนามีมา ๒,๕๐๐ กว่าปียืนยาวมาได้อย่างไร ตั้งแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปไม่ขาดพระสงฆ์เลย พระสงฆ์ยังสืบต่อศาสนามา จรรโลงศาสนามาให้พวกเราได้ทำบุญกุศล เห็นไหม

บุญกุศลของเราถ้าเราทำของเราขึ้นมา เรามีความศรัทธาเรามีความเชื่อ เราต้องเชื่อขึ้นมาไม่นั้นเราสักแต่ว่านะ ประเพณี เห็นไหม ราชการหยุดให้ หยุดให้วัน เห็นไหม วันเข้าพรรษาก็หยุดให้ชาวพุทธได้ทำบุญกุศล แล้วถ้าเราเป็นคนไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีเห็นคุณงามความดีไง การสละออกนั้นจะเป็นบุญกุศลได้อย่างไร เราเสียสละออกไปเป็นบุญกุศลได้อย่างไร

ผู้ทรงศีลทรงธรรม ผู้ที่ไม่มีอาชีพเหมือนเราไง พระนี้ไม่ประกอบสัมมาอาชีวะ พระประกอบสัมมาอาชีวะด้วยการเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เช้าขึ้นมาออกบิณฑบาตเลี้ยงชีวิต ชีวิตนี้เพื่ออะไร เพื่อศึกษาขึ้นมาหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ เพื่อการประพฤติปฏิบัติ เพื่อกำจัดกิเลสของตัว เพื่อพยายามต่อสู้ของตัว ครูบาอาจารย์บอกเลย พระสงฆ์เราถ้าไม่ทรงธรรมไม่ทรงวินัยใครจะเป็นคนทรง

พวกเรานักรบ ไม่มีใครจะสามารถรบแบบพระหรอก เวลาออกสนามกัน เห็นไหม ผู้ที่ออกสนามต่อสู้กัน เขาเพื่อเอาชนะกิเลสเพื่อข้าศึกต่อกัน แต่การชนะตนเองสำคัญที่สุด เพราะเวลาเราเกิดขึ้นมา นี่ความเศร้าหมองของใจ ความทุกข์ของใจนี้ไม่มีใครสามารถทำเราได้หรอก เจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอ หมอก็ฉีดยาผ่าตัดให้ได้นะ แต่ไม่มีใครสามารถผ่าตัดกิเลสออกจากใจได้ กิเลสออกจากใจของผู้ใด ผู้นั้นต้องแก้ด้วยตนเอง

มัคคะอริยสัจจัง สัมมาสมาธิความสงบของใจขึ้นมานี่ มันสงบขึ้นมาจากใจ แล้วเอาความสงบของใจนั้นยกขึ้นวิปัสสนา ชำระกิเลส เห็นไหม มัคคาเครื่องดำเนิน มันต้องเป็นปัจจัตตังรู้เฉพาะตนของเรา กิเลสมันอยู่ที่จิตใต้สำนึก เรารู้บนจิตสำนึก ความศึกษา สัญญาเราจำมา ครูบาอาจารย์เทศน์เราฟังมา มันจะเป็นอย่างนั้น มันเข้าใจอย่างนั้น มันเข้าใจไป แต่เวลาไปประพฤติปฏิบัติมันไม่เกิดขึ้นมากับเรา เพราะอะไร เพราะกิเลสของเรา ความรู้สึกของเรา มันผลักไส มันบิดเบือนความเป็นจริงไม่สมควรแก่ธรรม เราถึงปฏิบัติธรรมไม่สมควรแก่ธรรม

ถ้าไม่สมควรแก่ธรรม ใจของเราถึงไม่ทรงธรรมไง ถ้าใจของเราทรงธรรม มันชำระกิเลส มันรู้วิธีการ อาหาร ใครกินอาหารคนนั้นก็อิ่ม ถ้าจิต กิเลสมันหลุดออกไปจากใจนี่ มันเห็นวิธีการหลุดออกไปจากใจ เห็นไหม มันเห็นหลุดออกไป มันเป็นสัมปยุตการรวมตัวของมัคคา มัคคานี้รวมตัวไปแล้วชำระกิเลส แล้วคลายตัวออกมาเป็นวิปปยุตออกมา ออกมาจากเห็นตามความเป็นจริง นั่นน่ะกินอย่างนั้นแล้วอิ่มอย่างนั้น เป็นปัจจัตตังอย่างนั้น จากใจดวงนั้น ถ้าใจดวงนั้นทรงธรรมอย่างนั้น เห็นไหม เป็นผู้ชี้นำ เป็นเนื้อนาบุญของโลกเพราะใจอันนั้นเป็นคุณธรรม แต่ใจของเรามีกิเลสอยู่ เราพยายามเชื่อมั่นสิ่งนั้น

วันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม แล้วเทศน์สอนพระปัญจวัคคีย์นะ อัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ที่เป็นพยานต่อกัน รู้ขึ้นมาในธรรมของเรา นี่ธรรมจักร สิ่งที่เป็นธรรมจักรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี่ ธรรมจักร จักรนี้เคลื่อนไป แล้วเราวิปัสสนาของเราขึ้นมา นี่มัคคาเกิดขึ้น ธรรมจักร จักรอันนี้เกิดขึ้นมาจากในหัวใจ แล้วมันจะทำลายกิเลสของเราขึ้นมา ทำลายกิเลส สถาบันของศาสนาเป็นอย่างนั้น เป็นสถาบัน

แต่ธรรมส่วนบุคคลไง จิตที่ประพฤติปฏิบัติ จิตดวงไหนประพฤติปฏิบัติ จิตดวงนั้นได้ขึ้นมาจากความเห็นอันนั้นไง สุขในหัวใจนี่ทรงธรรมทรงวินัย หัวใจทรงไว้ สมบัตินี้ผลัดกันชมแล้วสมบัติเป็นของโลก แล้วจะวางเอาไว้เป็นสมบัติของโลก ใครมีปัญญาก็แสวงหาได้ เสร็จแล้วก็ส่งต่อๆ กันไป

แต่ธรรมดวงนี้มันขึ้นมาจากหัวใจไม่มีการส่งต่อกัน ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วก็เป็นขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป พระสารีบุตรตายไปนี่ธรรมนั้นเป็นไป แต่ธรรมและวินัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางเอาไว้ เราก้าวเดินตามได้ แล้วเราชำระกิเลสของเราได้ ถ้าเราสนใจ เห็นไหม

จากทาน ศีล แล้วภาวนา เราเริ่มสนใจเรื่องของศาสนา เรามีการทำทาน แล้วเราจะเริ่มสนใจเรื่องธรรม แล้วเราจะศึกษาปฏิบัติธรรม แล้วเราจะขึ้นมาชำระกิเลสของเราได้ ทำทานขึ้นมาก็ปรารถนาพ้นทุกข์ๆ จะพ้นทุกข์ได้ต้องทำปฏิบัติเท่านั้น เอวัง